สรุปแบบย่อ เราสามารถแบ่งประเภทหลอดได้โดยสามารถแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
- หลอด Incandescent หรือที่เรียกกันว่า หลอดไส้
- หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) หรือที่เรียกกันว่า หลอดนิออน
- หลอดเมทัลฮาไลด์ หลอดโซเดียม หลอดแสงจันทร์
- หลอด LED / แอลอีดี
1. หลอด Incandescent หรือที่เรียกกันว่า หลอดไส้
หลอดไส้ชนิดนี้ ให้ความร้อนสูงมากระหว่าง 100 – 400 องศาเซลเซียส แต่ประสิทธิภาพในการส่องสว่างต่ำ เพียง 10-15 lm/W มีการสูญเสียพลังงานมาก อายุหลอดไฟระยะเวลาการใช้งานประมาณ 750 ชั่วโมง
หลอดฮาโลเจนเป็นหลอดไส้ชนิดหนึ่ง ที่บรรจุสารตระกูลฮาโลเจน เพื่อป้องกันการระเหิดตัวของไส้หลอด มีประสิทธิภาพดีกว่าหลอดไส้ปกติ 2-3 เท่า อายุหลอดไฟ 1500 – 3000 ชั่วโมง หลอดประเภทนี้ใช้กับงานส่องเน้น เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิด เครื่องฉายสไลด์ เป็นต้น
2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) หรือที่เรียกกันว่า หลอดนิออน
หลอดฟลูออเรสเซนต์ ประกอบไปด้วย
2.1 ตัวหลอด ภายในสูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทและก๊าซอาร์กอน ผิวด้านในฉาบด้วยสารเรืองแสง
2.2 ไส้หลอด ทำด้วยทังสเตนหรือวุลแฟรมอยู่ที่ปลายทั้งสองข้าง เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านไส้หลอดจะทำให้ร้อนขึ้น
2.3 สตาร์ตเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสวิตซ์ไฟฟ้าอัตโนมัติของวงจรโดยต่อขนานกับหลอด ภายในบรรจุก๊าซนีออนและแผ่นโลหะคู่ที่งอตัวได้ ปรอทก็จะเป็นไอพอที่นำกระแสไฟฟ้าได้
2.4 บัลลัสต์ เป็นขดลวดที่พันอยู่บนแกนเหล็ก ขณะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านจะเกิดการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้น
Block "355" not found
3. หลอดเมทัลฮาไลด์ หลอดโซเดียม หลอดแสงจันทร์
หลอดไฟประเภท นิยมใช้ในการส่องสว่างตามท้องถนนและโรงงานอุตสาหกรรมนี้ กินไฟมากอยู่ระหว่าง 400 – 500 W ขึ้นไป อุณหภูมิหลอด 100 – 400 องศา อายุการใช้งานเฉลี่ย 2-3 ปี
4. หลอด LED / แอลอีดี
ข้อดีของหลอดไฟ LED ได้แก่
- ใช้พลังงานต่ำแต่ให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่สูงมาก
- ไม่มีแสง UV LED
- สามารถเปิด-ปิดได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลารอนานเป็นหลอดไฟที่ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไฟประเภทอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมด
- ประหยัดเงินค่าไฟฟ้าจากการใช้หลอดไฟ LED ตั้งแต่ 15-75% โดย
- เฉลี่ยแล้วมีอายุการใช้งาน สูงสุดถึง 50,000 ชั่วโมง หรือประมาณ 5 ปี ขึ้นไป
Block "451" not found